ถ้าโลกของเราเป็นเฃ่นดัง MV นี้ จะเกิดอะไรขึ้น ?
ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกถูกควบคุมจากการหมุนรอบตัวเองและองศาการเอียงของโลก และพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ขณะที่ก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ปล่อยออกมามีเพียง 0.2 0.3% เท่านั้น ซึ่งมีผลต่อปรากฏการณ์เรือนกระจกน้อยมาก
วงจรสภาพอากาศและอุณหภูมิของโลกเป็นผลลัพธ์มากจากตัวแปรหลายๆ ตัวที่สลับซับซ้อน วงจรและปรากฏการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นทับซ้อนกัน ดังนั้น การใช้ตัวเลขสถิติต่างๆ ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีมาวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศจึงไม่ค่อยจะถูกต้องนัก อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์มากมายที่ใช้วิธีทางสถิติที่ไม่ถูกต้องมาช่วยกระพือข่าวโลกร้อน ก็เลยทำให้เรื่องนี้เป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
ลองพิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ ก่อนที่จะไปปักใจเชื่อว่ากาซคาร์บอนไดออกไซต์ที่มนุษย์ปล่อยออกมาทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน
1) ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่ได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่า มนุษย์เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน ตัวอย่างที่ดีก็คือ ในยุคที่เรียกว่า Helocene Maximum ซึ่งเป็นยุคที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สิ่งที่น่าสนใจก็คือยุคนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7,500 4,000 ปี ก่อน ซึ่งก็ถือว่านานมากก่อนที่มนุษย์จะเริ่มยุคอุตสาหกรรมซะอีก
2) ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 18,000 ปีที่ผ่านมาก่อนที่มนุษย์จะประดิษฐ์ปล่องไฟได้ซะอีก ที่น่าประหลาดใจก็คือ ระดับอุณหภูมิและก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในโลกยุคนี้สูงพอๆ กับที่เกิดในวงจร Interglacial เมื่อ 120,000 140,000 ปีก่อน ทั้งนี้ วงจร Interglacial จะกินเวลาครั้งละราว 20,000 ปี ซึ่งหลังจากนั้น โลกจะกลับสู่ยุคน้ำแข็ง
3) มนุษย์มีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.28% ขณะที่ อีก 99.72% ของก๊าซเรือนกระจกเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ปริมาณ 186 พันล้านตันที่เข้าสู่บรรยากาศของโลกในแต่ละปีมีที่มาจากหลายแหล่ง แต่มีเพียง 6 พันล้านตันเท่านั้นที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ ขณะที่อีก 90 พันล้านตัน มาจากภูเขาไฟและซากพืชที่เน่าเปื่อย
4) ปฏิกิริยาจากดวงอาทิตย์มีส่วนต่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์และอุณหภูมิของโลก
|